วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2552

หนังสือชุด MORE THAN ART มากกว่าศิลปะ

หนังสือชุดคู่มือการจัดกิจกรรมศิลปะเพื่อพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้
และเข้าถึงคุณค่าของสิ่งรอบตัวระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖
ที่มิใช่การมุ่งสร้างศิลปิน หรือการสร้างงานที่เป็นเลิศ แต่กลับเป็น
การสร้างคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ จากประสบการณ์การสอนของกว่า
๑๐ ปีของครูรุ่งอรุณ ผสมผสานทฤษฎีการเรียนรู้ของสมอง
Brain - Based Learning และสอดรับกับมาตราฐานการเรียนรู้ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้


หนังสือคู่มือการสอนศิลปะที่เน้นกระบวนการช่วยให้เด็กๆ เกิดพัฒนาการ
ในหลายๆ ด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย ความคิด และจิตใจ ไม่ว่าจะเป็น
มิติสัมพันธ์ ในเรื่องของการช่วยฝึกทักษะมือ ตา สัมพันธ์
(Spatial Temporal Skill) การมีสมาธิ ใจ การรับรู้ที่ละเอียดอ่อน
ที่จะนำไปสู่ความเข้าใจทางด้านมโนภาพ(Visual - Spatial
Organization) และการรับรู้ความงามต่างๆ จากสรรพสิ่งรอบตัว
ไปจนถึงการเข้าถึงคุณค่าของสิ่งรอบตัว (Moral)กระตุ้นฉันทะในการ
ทำงาน ความมีวิริยะอุตสาหะ และมีสมาธิจดจ่อ (Concentration)
ในการทำงาน จนเด็กๆ สามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
ได้ฝึกรับรู้เงื่อนไข และค้นหาวิธีการใช้จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์
(Creativity)แก้ไขปัญหาต่างๆ ในการทำงานด้วยตนเอง เพื่อให้มี
ความยืดหยุ่น รู้จักการ จัดการจนสามารถสร้างความมั่นใจ และทัศนคติ
ที่ดีแก่ตนเองในการทำงานอื่นๆ ในชีวิตได้อย่างมีคุณภาพต่อไป และที่สำคัญกระบวนการทำงานศิลปะยังมีส่วนช่วยขัดเกลาจิตใจ
สร้างเสริมลักษณะนิสัยที่ดีงามในการดำรงตน ให้เป็นประโยชน์
รู้ว่าตนเองเกี่ยวเนื่องกับสิ่งแวดล้อม และชุมชน ช่วยเหลือผู้อื่นเป็น
ยอมรับความแตกต่างทาง ความคิด ตลอดจนถึงการรู้จักดูแลรักษา
สภาพแวดล้อม และทรัพยากร

ประกอบไปด้วยหน่วยการเรียนการสอนทั้งหมด ๑๐หน่วย เป็นจำนวนทั้งหมด
๑๐ เล่ม โดยจัดลำดับ การเรียนรู้ดังต่อไปนี้

กลุ่มที่ ๑ ระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๒
ทำความคุ้นเคยกับธรรมชาติผู้ให้เครื่องมือและจินตนาการในการทำงานศิลปะ
ซึ่งสอดคล้องและท้าทายสมองของเด็กในวัยนี้




เล่มที่ ๑.ลองเล่นกับธรรมชาติ
เด็กๆ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้มีโอกาสสัมผัสหรือเล่นกับธรรมชาติมากนัก ทั้งๆที่
การเล่นในธรรมชาติที่เปิดกว้างไม่ตายตัว เหมือนของเล่นสำเร็จรูปนั้นก็คือ
การฝึกทักษะการใช้ร่างกาย ความคิดสร้างสรรค์ และการรู้จักแก้ปัญหา
จากโจทย์จริงนั่นเอง เด็กๆ จะสนุกสนานกับการสังเกต จนค่อยๆ พัฒนา การสัมผัสรับรู้อย่างละเอียดประณีตขึ้นจนเห็นถึงความสัมพันธ์ อันสลับ
ซับซ้อนในธรรมชาติที่มีตัวเขาร่วมอยู่ด้วย และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่าง
ถ้อยทีถ้อยอาศัย เป็นได้ทั้งผู้รับและผู้ให้


เล่มที่ ๒. อุปกรณ์ศิลปะจากธรรมชาติ
นิทานจะพาให้เด็กๆ สนุกสนานย้อนยุคไปสู่อดีตที่ยังไม่มีแม้แตกระดาษ
ดินสอหรือสีใดๆ มีแต่ความเพียรพยายามบวกกับการสั่งสมและถ่ายทอด
ภูมิปัญญาจากรุ่นต่อรุ่น เพื่อพัฒนาวัสดุอุปกรณ์ศิลปะจนมีความคงทน
สะดวกใช้ และมีประสิทธิภาพมากพอที่จะ ถ่ายทอดจินตนาการอัน
บรรเจิดของมนุษย์ออกมาเป็นรูปธรรมได้ การพาเด็กๆ ย้อนรอย
วิวัฒนาการของสี กระดาษ และพู่กัน จะทำให้เด็กๆ รู้ที่มา และเข้าใจ
วิธีคิดทดลอง เพื่อพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นให
้เกิดสำนึกในการเป็นผู้สร้าง และไม่ติดอยู่กับของสำเร็จรูป



เล่มที่ ๓.ปั้นดิน ปั้นใจ

ดินเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง งานปั้นดินจึงมักไม่เป็นไปอย่างใจ
นอกเสียจากผู้ปั้นและดินมีความพอดีในหลายๆ ลักษณะ กล่าวคือ
ดินต้องมีความนุ่มพอดี ไม่แฉะ ไม่แห้ง และต้องจัดช่วงเวลา
ที่เหมาะสมในขั้นตอนการปั้น การตาก การเผา นอกจากนี้ผู้ปั้น
ต้องวางใจกับการปั้น รู้จักประคองจิตใจให้เป็นปกติจะช่วยกำกับมือ
ตา และการเคลื่อนไหวทุกส่วนให้สอดคล้องกับดินและความปรารถนา
ในใจของตนได้พอดี


เล่มที่ ๔.ถักร้อยเส้นด้ายเชื่อมโยงใจ
การเรียนรู้วิธีการถักนิตติ้งนั้นไม่ได้เริ่มจากความเข้าใจหรือความจำ
แต่เป็นการลงมือทำงานทันที แล้วค่อยๆ ซึมซับกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ
ไปบนงาน ทำให้เด็กๆ กล้าลงมือ ไม่กลัวผิด อ่อนน้อม ยอมรับเงื่อนไข
โดยดุษณี ในขณะเดียวกัน สมองของเด็กๆ จะเข้าใจเรื่องที่ทำอย่างอัตโนมัติ ทำให้สามารถจัดลำดับความคิดให้เป็นระบบซึ่งนำไปสู่การเชื่อมโยงเรื่องราว
ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี กระบวนการทำซ้ำอย่างมีแบบแผนยังเป็นการสร้างภาวะ
ที่สงบ มีสมาธิ เหมาะสมต่อการเรียนรู้ของสมองอีกด้วย


กลุ่มที่ ๒ ระดับประถมศึกษาปีที่ ๓ – ๔
ฝึกฝนทักษะการสร้างงานศิลปะที่หลากหลายอันมีขั้นตอน แบบแผน
ที่ต่อเนื่องชัดเจนเพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจ และรับรู้ในเรื่องของเหตุ-ปัจจัย
อันเป็นธรรมชาติที่แท้จริง




เล่มที่ ๑.ลอกลายงานไทย

การสร้างโอกาสให้เด็กๆ ได้สัมผัสกับลายไทยตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจาก
จะเป็นการสร้างสมาธิและฉันทะในการทำงานแล้ว ความไม่กลัวผิด
ไม่ลังเล กล้าลงมือทำจริงของเด็ก ได้เอื้อให้เกิดการเรียนรู้อย่างสบายๆ
และยังก่อให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อลายไทย อันเป็นพื้นฐานที่จะนำเด็กๆ
ไปสู่ความเข้าใจเอกลักษณ์ของลายไทย นั่นคือแบบแผนที่ยืดหยุ่นได้ จนสามารถเข้าถึงคุณค่าความงามอันวิจิตรของลายไทยได้ในที่สุด



เล่มที่ ๒.หุ่นเงา

เด็กวัยประถมปีที่๓-๔ เป็นวัยที่สามารถจัดการดูแลตนเองได้และเริ่มสนใจ
ที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัวมากขึ้น จากการฝึกรับรู้เรื่องมิติสัมพันธ์
ระหว่างตัวหุ่นและเงา การฝึก “สื่อสาร” สิ่งที่ตนคิดออกมาให้ผู้อื่นเกิด
ความเข้าใจอย่างแม่นยำและถูกต้อง กล้าคิด กล้าทดลองสร้างสรรค์
จินตนาการสู่การนำเสนอในรูปแบบใหม่ๆ ที่ตนไม่คุ้นเคย ช่วยพัฒนาทักษะ
การคิดเชื่อมโยง การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการทำงานด้วยมุมมองใหม่ๆ
จนเกิดปฏิภาณไหวพริบในการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อที่จะสื่อสารไปสู่ผู้อื่นได้
อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าถึงใจอย่างรู้เขารู้เรานั่นเอง



เล่มที่ ๓.พิมพ์ภาพ ภาพพิมพ์

การพาเด็กๆ เรียนรู้ที่มาของเทคนิคงานพิมพ์ด้วยการเป็นผู้ลงมือสร้างงาน
ด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบ จึงก่อให้เกิดประสบการณ์เชิงประจักษ์ที่สร้าง
ความเข้าใจ เกิดการพัฒนาการทำงานของสมองที่สอดคล้องกับวีธีการสร้าง
งานพิมพ์ คือการเชื่อมโยงรูปร่างรูปทรงของภาพที่ต้องการจะสร้างกับรูปร่าง
รูปทรงของแม่พิมพ์ธรรมชาติ(มือและใบไม้) และการสร้างแม่พิมพ์เอง
เพื่อให้ภาพพิมพ์ออกมาอย่างที่ต้องการ ทำให้ต้องวางแผนขั้นตอนการ
ทำงานที่ซับซ้อน รอบคอบ


เล่มที่ ๔.ศิลปะสาธารณกุศล
ตุงเป็นหนึ่งในงานศิลปะสาธารณะกุศลที่ใช้วัสดุง่ายๆ ในการประดิษฐ์ แสดงให้เห็นว่าการทำงานใหญ่ให้สำเร็จไม่ได้อยู่ที่วัสดุชิ้นใหญ่ราคาแพง แต่อยู่ที่การทำงานเล็กๆ คนละเล็กละน้อย แล้วนำมาประกอบกันเป็นงานใหญ่ที่มีพลังได้ การได้มีส่วนร่วมในการทำงานศิลปะสาธารณะกุศลพาให้เด็กๆ ได้สัมผัสกับมิติของงานศิลปะที่เกี่ยวเนื่องกับวิถีชีวิตจริง แสดงถึงความสามัคคี ความเสียสละของคนไทย




กลุ่มที่ ๓ ระดับประถมศึกษาปีที่ ๕ – ๖ ใช้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
และทักษะที่สะสมมาประยุกต์ทำงานศิลปะที่ตนเองเป็นผู้กำหนดขั้นตอน



เล่มที่ ๑.ตอกลาย

งานที่จะมาเป็นเครื่องช่วยผ่อนถ่ายพลังของเด็กๆ วัย ๑๑-๑๒ ปี จึงต้องเป็นงาน
ที่ท้าทาย พอมือพอกำลังและมีลำดับขั้นตอนที่จะช่วยกำกับการทำงานของเขา
อย่างให้ระบบระเบียบในคราวเดียวกัน งานลอกลายและงานตอกลายเป็น
งานที่มีขั้นตอนชัดเจน และต้องการศักยภาพในการทำงานสูง คือมีทั้ง
ความประณีตและความแม่นยำ จึงเหมาะสมที่เด็กๆ จะใช้งานนี้เป็น
เครื่องมือในการถ่ายทอดศักยภาพและพลังของเขา


เล่มที่ ๒.กิ่งไม้สร้างสรรค์
เด็กวัย๑๑-๑๒ ปี มีทั้งความพร้อม และพลังในการทำงานที่มีอิสระ
ได้อย่างไม่รู้จบ ความอิสระของโจทย์ ทำให้งานถูกง่าย ผิดยาก
ไม่มีขั้นตอนตายตัว ก่อให้เกิดความสบายอกสบายใจในการทำงาน
ความอิสระยังเป็นต้นทางของการค้นหาท้าทายกระตุ้นให้เด็กๆ
คิดจินตนาการได้กว้างไกล และเกิดแรงขับให้พยายามผลักดัน
ตนเองให้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ ทั้งการใช้ความคิดสร้างสรรค์
ทักษะการใช้เครื่องไม้เครื่องมือ และการวางแผนจัดการการทำงาน
ของตนเอง




ทุกเล่มราคาเล่มละ ๑๘๐ บาท ๑ ชุด ๑๐ เล่มพร้อมกล่อง ราคาชุดละ ๑,๖๒๐ บาท


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น